ภาพถ่าย

วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เคล็ดลับเรียนดี  เรียนเก่ง ความสำเร็จในการเรียนรู้

แสวงหาความรู้ เคล็ดลับเรียนดี


การหาความรู้ ความจริงแล้วไม่จำเป็นต้องเข้าสถาับันการศึกษา แต่เราสามารถหาความรู้เพิ่มพูนปัญญาของตนเองได้ทุกที่ ทุกเวลา เพราะหากยิ่งเรารู้มากแค่ไหนประโยชน์ต่าง ๆ ก็จะเกิดกับเรามากขึ้นแค่นั้น

คนที่เรียนเก่งมักจะบอกว่าตนไม่ค่อยรู้อะไรมาก และพวกเขาก็จะหาความรู้มาใส่สมองอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งแหล่งความรู้ ไปทางไหนก็มีให้เก็บเกี่ยวอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นห้องสมุด อินเตอร์เน็ต นิตยสาร หนังสือพิมพ์ แผ่นพับ เป็นต้น ความรู้เหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเป็นข้อมูลทางวิชาการเพียงอย่างเดียวเท่านั้น อาจจะเป็นการพบไอเดียใหม่ ๆ ความบันเทิง ดนตรี เพลง หรืออะไรก็ได้ ที่จะช่วยพัฒนาความรู้และสติปัญญาของเรา

รู้จักการต่อสู้ที่เหมาะสม เคล็ดลับเรียนดี

เราทราบกันดีอยุ่แล้วว่า การรู้จักวางเป้าหมายให้ตรงกับตัวเองทำให้เรามีแนวทางที่จะก้าวต่อไปในอนาคต แต่ก่อนที่เราจะเดินไปถึงเป้าหมายต่าง ๆ ที่เราวางไว้นั้นเราต้องรู้จักการต่อสู้บ้างเช่นกัน

การต่อสู้ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการแข่งกันเรียน เพื่อให้ได้เป็นที่หนึ่งของระดับชั้น การแข่งขับแบบนี้ทำให้เราเกิดความตึงเครียดและเรียนอย่างไม่มีความสุขเลย การแข่งขันที่ควรจะทำนั้นคือการแข่งขันกับตัวเราเอง

การแข่งขันกับตัวเองทำได้ง่าย ๆ โดยเริ่มจากถ้าเป็นคนตื่นสายต้องบอกตัวเองและทำให้ได้ที่จะตื่นเช้า เพราะตื่นก่อนก็จะได้ทบทวนตำราเรียนมากขึ้น หรือจะเป็นเรื่องของการอ่านหนังสือวันแรกอ่านได้ 10 หน้า วันต่อมาก็เพิ่มจำนวนหน้าไปเรื่อย ๆ ทำสถิติก็เป็นการแข่งขันกับตัวเราเอง จากนั้นก็เป็นการสอบ ผลการเรียนเทอมแรก อาจอยู่ประมาณ 2.60 ในเทอมต่อไปก็ให้มันเพิ่มเป็น 2.70 ทำอย่างนี้เรื่อย ๆ ไปอย่างช้า ๆ แต่มั่นคง ก็ช่วยให้การแข่งขันในแต่ละครั้งไม่สิ้นหวังมากเกินไป และจะเป็นเหมือนแรงบันดาลใจในการแข่งขันกับสิ่งแวดล้อมภายนอกต่อไป

ส่วนการที่จะแข่งขันกับผู้อื่นให้คิดว่าเป็นผลพลอยได้จากการแข่งขันกับตัวเองเท่านั้นพอ สิ่งที่สำคัญที่สุดของการแข่งขันคือ การที่ไม่ย่ำหรือทับถมคนอื่นที่อาจเรียนด้อยกว่าเรา เพราะการทำเช่นนั้นไม่ว่าเราจะเก่งสักเพียงใดก็ตาม ล้วนแต่เป็นการกระทำที่ไม่น่าชื่นชมเลยแม้แต่น้อย


ดนตรีช่วยเสริมความจำ  เคล็ดลับการเรียนดี

อารมณ์มีส่วนสำคัญต่อการเรียนอย่างมาก ความเบื่อหน่าย เซ็งกับเรื่องส่วนตัวอื่น ๆ ก็มีผลต่อการเรียนไม่น้อยเลยทีเดียว การบำบัดอารมณ์ให้สดใสอยู่เสมอ จะช่วยกระตุ้นให้การพัฒนาการเรียนรู้ให้เป็นไปในทางที่ดียิ่งขึ้น

หลักการความจำความรู้หรือเนื้อหาต่าง ๆ ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แล้วแต่ละความสามารถและความถนัด บางคนใช้การจด บทคนทำเป็นแผ่นภาพ บางคนเขียนแปะให้เห็นชัด หรือบางคนอัดเทปไว้ฟัง แต่มีวิธีการหนึ่งที่ช่วยให้การฟังละการอ่านของเรามีประสิทธิภาพดีขึ้น นั่นคือการฟังเพลงเบา ๆ สบาย ๆ
การฟังเพลงจะช่วยให้บทเรียนที่ตึงเครียดที่เรากำลังอ่านอยู่ดูไม่รุนแรงจนเกินไป ที่สำคัญไม่เงียบมาก หรือดังจนเกินไป เมื่ออารมณ์ของเราพร้อมที่จะรับข้อมูลต่าง ๆ สมองก็จะจดจำได้เองโดยอัตโนมัติ

การใช้เพลงร่วมกับการทำอารมณ์เช่นนี้ใช้ได้กับบางคนเท่านั้นเพราะสำหรับคนอื่น ๆ อาจจะต้องการความเงียบสงบเท่านั้น เสียงต่าง ๆ ที่เข้ามาเป็นการทำลายสมาธิก็มีอยู่ค่อนข้างมาก ดังนั้นควรเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองให้มากที่สุด เพื่อจะได้รับความรู้อย่างเต็มที่

กำจัดความเกียจคร้าน  เคล็ดลับเรียนดี 

ความเกียจคร้านเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการทำทุก ๆ อย่าง รวมทั้งเรื่องการเรียนก็เช่นเดียวกัน ความเกียจคร้านอยู่กับกิจกรรมการเรียนทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเกียจคร้ายตื่นไปเรียน ขี้เกียจเรียนวิชานี้ ขี้เกียจอ่านหนังสือ ขี้เกียจทำการบ้าน ความขี้เกียจหลายรูปแบบเหล่านี้เป็นโทษต่อผลการเรียนอย่างแน่นอน

ความเกียจคร้านทำให้เวลาในการทำกิจกรรมที่น่าจะมีมากกลับลดลงไปในพริบตา เช่น อาจารย์สั่งทำการบ้านจะต้องส่งในอาทิตย์หน้า ความเกียจคร้านจะบอกเราว่าให้ทำวันอื่นก็ได้ยังมีเวลาอีกมาก ตอนนี้ขอเล่นเกมส์ ขอนอนก่อน หรือดูโทรทัศน์ก่อนจะดีกว่า แต่ถ้าหากส่งทันงานก็ไม่มีคุณภาพเลย


ในเรื่องของการอ่านหนังสือก็เช่นกัน คนขยันจะอ่านหนังสือทบทวนไปเรื่อยจนกระทั่งวันสอบ ก็ไม่ต้องเตรียมตัวมาก แต่คนเกียจคร้านจะผลัดวันประกันพรุ่งไปก่อนเห็นว่ามีเวลาอีกนาน และพอใกล้สอบก็อ่านหนังสือไม่ทันแน่อย่างนอน
หากตัดนิสัยจอมเกียจคร้านนี้ออกไปได้ รับรองได้เลยว่าเรื่องที่ผลการเรียนไม่เป็นที่น่าพอใจ จะกลายเป็นแค่อดีตไปอย่างแน่นอน

แบบฝึกหัดสำคัญมาก  เคล็ดลับเรียนดี

 


แม้ว่าเราจะต้องตั้งใจเรียนเพื่อให้เข้าใจบทเรียนและตำราแล้ว สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือ การฝึกใช้สิ่งที่เรามีอยู่ในหัวสมองมาอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวได้ การฝึกใช้ความรู้คือการทำแบบฝึกหัดและทดสอบความรู้ของตนเองได้ดีที่สุด

ความรู้ในตำราเรียนนั้น เช่น เรารู้ว่าเลือดนั้นแบ่งเป็น 4 กรุปเลือด ได้แก่ A B AB และ O จากนั้นเราต้องรู้ว่าการถ่ายเลือดต้องถ่ายจากกรุปไหนไปกรุปไหนได้บ้าง ดังนั้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุอาจจะเป็นเพื่อน เป็นญาติ หรือตัวเอง เราต้องรู้ว่าเขาต้องใช้เลือดชนิดใด ความรู้ที่เรามีอยู่ควรนำมาใช้ในชีวิตประจำวันบ้าง ซึ่งจะช่วยให้เราจำได้ดีขึ้น

หรือเราเรียนเรื่องกฎแรงโน้มถ่วง หรือแรงดึงดูดของโลกมาจนจบบทเรียน ทฤษฎีแน่นปึก แต่เรากลับมาอธิบายไม่ได้ว่าทำไมของต่าง ๆ ต้องตกลงสู่พื้นดิน อย่างนี้เป็นการเรียนที่ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย

การเรียนที่ถูกต้อง และสัมฤทธิผลจะต้องสามารถนำไปใช้และอธิบายได้ การเรียนแต่แค่ในหนังสือนำมาใช้ไม่ได้ ถือว่าการเรียนนั้นไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ แก่ตัวนักเรียนเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น