ภาพถ่าย

วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555


เตือนภัย!  7สิ่งที่ควรหยุดทำใน Facebook



        Facebook สังคมออนไลน์ ที่นับว่ามีอานุภาพอย่างใหญ่หลวงในโลกปัจจุบัน มีกลุ่มเป้าหมายหลากหลายในทุกกลุ่ม การเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวก็ทำได้ง่าย โดยไม่ต้องแจ้งเจ้าของบัญชีทราบ  เป็นผลทำให้ Facebook ของคนจำนวนไม่น้อย ถูกล่วงล้ำความเป็นส่วนตัว จนก่อให้เกิดความเดือนร้อน  ทั้งภาพพจน์ ชื่อเสียง และภัยใกล้ตัวอื่นๆ ที่คาดไม่ถึง  
หลังจากที่เขียนบทความเกี่ยวกับปัญหาการเล่น Facebook มาแล้ว 2 เรื่อง วันนี้ก็เลยไปหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับภัยของ Facebook มาเตือนเพื่อน ๆ อีกสักเรื่อง ก่อนจะเข้าเนื้อหาที่เข้มข้นในการสร้างธุรกิจต่อไป
บทความนี้ได้เรียบเรียงจาก 7 Things to Stop Doing Now on Facebook by Consumer Reports Magazine Wednesday, May 12, 2010
เป็นคำกล่าวของ Charles Pavelites, ผู้ชำนาญการพิเศษของหน่วยงาน ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์จากอาชญากรรมทางอินเตอร์เนต ว่าอย่าให้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวคุณมากนักบน Facebook และที่ Online อื่นๆ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ประเทศ สเปน มีผู้หญิงคนหนึ่งได้โพสต์รูปของเธอ ซึ่งเป็นรูปที่เธอดูดีบน Facebook แน่นอนว่ามีคนขอเธอเป็นเพื่อนมากมาย และเธอก็รับทั้งหมด หนึ่งในนั้น เป็นผู้ชายที่เริ่มขอเจอเธอ และคาดว่าอยากมี sex กับเธอ เธอปฏิเสธเขา แต่เนื่องจากเธอใส่ข้อมูลที่อยู่ , เบอร์โทรศัพท์ และรายละเอียดอื่น ๆ ที่เป็นข้อมูลจริงใน Facebook เขาไปหาเธอตามที่อยู่นั้น และอันตรายก็เกิดขึ้นกับเธอจนถึงขั้นเสียชีวิต

ฉะนั้น  7 สิ่งที่ควร หยุดทำทันทีใน Facebook  คือ

 

1. ใช้รหัส ผ่านแบบง่าย ๆ

หลีกเลี่ยงการใช้ ชื่อธรรมดา หรือคำทั่วไป ที่สามารถหาพบได้ในพจนานุกรม หรือแม้แต่ตัวเลขที่ลงท้ายรหัสผ่านดังกล่าว ควรใช้การผสมระหว่าง ด้านหน้า ด้านหลังตัวอักษร ด้วยตัวเลข หรือสัญลักษณ์ รหัสผ่านควรมีแปดตัวอักษรอย่างน้อย เทคนิคที่ดีอย่างหนึ่งคือ การเพิ่มตัวเลขหรือ สัญลักษณ์ระหว่างกลางคำผ่าน

2. ระบุวันเดือนปีเกิดในข้อมูลสาธารณะ

โจรภัยทางข้อมูลแบบเบื้องต้น ผู้ไม่หวังดีมักจะใช้ในการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวคุณ เพราะมันจะมีประโยชน์อย่างมาก ในการเข้าถึงข้อมูลธนาคารหรือบัตรเครดิต ถ้าคุณได้ระบุวันเกิด ให้กลับไปที่ข้อมูลส่วนตัว เข้าไปแก้ไขข้อมูลส่วนตัว ระบุข้อมูลพื้นฐานคือ ไม่แสดงวันเกิดในข้อมูลส่วนตัว หรือ แสดงเฉพาะวันและเดือนเกิดในหน้าข้อมูลส่วนตัว (การติดต่อสอบถามเกี่ยวกับบัตรเครดิต มักจะต้องตอบข้อมูลเรื่องนี้ด้วย)

3. ตรวจสอบการใช้งานของข้อมูลส่วนตัว

ข้อมูลทั้งหมดใน Facebook คุณ ควรกำหนดสิทธิ์ในการเข้าถึงของเพื่อน หรือเพื่อนของเพี่อน หรือตัวคุณเอง เช่น การเข้าชมรูปภาพ วันเกิด ศาสนา และข้อมูลของครอบครัว หรือสิ่งอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับตัวคุณเอง เช่น ข้อมูลในการติดต่อ เบอร์โทรศัพท์ สถานที่อยู่ ควรจำกัดสิทธิ์เฉพาะบุคคลหรือกลุ่มที่สามารถจะเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว หรือจัดการบล็อก (ห้าม) บุคคลบางคน หรือไม่ให้บุคคลภายนอกสามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว

4. ระบุชื่อบุตรหลาน

โดยมีข้อความที่อธิบายห
รือตำบรรยายใต้ภาพประกอบ ใม่ควรระบุชื่อบุตรหลานหรือป้ายกำกับ ( tags) หรือ มีคำอธิบาย/บรรยายรายละเอียดใต้ภาพ และถ้าได้มีคนอื่นหรือเพื่อนคุณทำเช่นว่านั้นก็ขอให้ช่วยแก้ไขหรือลบออก พร้อมกับป้ายกำกับด้วย แต่ถ้าชื่อบุตรหลานของคุณไม่ได้อยู่ใน Facebook แต่ได้มีบางคนได้ระบุข้อมูลดังกล่าวไว้ใน ป้ายกำกับ( tags) หรือ หรือมีคำอธิบาย หรือบรรยายรายละเอียดใต้ภาพ ก็ขอให้เจ้าของข้อมูลดังกล่าวแก้ไข/ลบออกด้วย (เป็นช่อง ทางให้ผู้ไม่หวังดีใช้ข้อมูลดังกล่าว ก่ออาชญากรรมบางเรื่องได้ง่าย เพราะรู้ว่าเป็นลูกหลานของใครมีฐานะการเงินเป็นเช่นไร)

5. การบอกว่า กำลังออกจากบ้าน

เป็นนัยที่สื่อความ หมายว่า ไม่มีใครอยู่ในบ้าน หรือคล้ายเป็นการปิดป้ายว่า “ ไม่อยู่ ” ไว้ที่หน้าบ้านเช่น กัน ให้รอจนคุณกลับถึงบ้านแล้วค่อยบอกถึงการผจญภัยหรือความสนุกสนาน ในการเดินทางหรือการใช้วันหยุดพักผ่อน โดยอาจจะไม่ต้องระบุ วันเดือนปีที่เดินทางก็ได้ หรือระบุวันเดือนปีที่เดินทางให้คลุมเครือไม่ชัดเจน

6. การปล่อยให้ Facebook ค้นหาพบคุณ

เพื่อป้องกันคนแปลกหน้าเข้าถึงหน้าข้อมูลของคุณ ให้ไปที่การค้นหาของ Facebook ข้อมูลส่วนตัว และเลือกเฉพาะเพื่อนเท่านั้นของ Facebook ที่จะค้นพบข้อมูลดังกล่าว และให้มั่นใจว่ากล่องข้อมูลสาธารณะไม่ได้ระบุให้เข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้

7. อย่าให้เด็กใช้ Facebook โดยไม่ตรวจสอบ ควบคุม

แม้ว่า Facebook จะไม่อนุญาตให้เด็กอายุต่ำกว่าสิบสามขวบ หรือยังไม่ถึงเกณฑ์ใช้งาน แต่หลายคนก็ทำการปลอมอายุเข้าไปใช้ได้ ถ้าคุณมีเด็ก หรือวัยรุ่นในความปกครองใช้ Facebook วิธีการที่ดีที่สุดในการตรวจสอบและควบคุม คือ การเข้าร่วมเป็นสมาชิกในกลุ่มเพี่อนของเขา หรือให้ใช้ email ของคุณแทนในการติดต่อระหว่างบัญชีของเขา เพื่อที่คุณจะได้รับข้อความหรือตรวจสอบการใช้งานของเขา
“เพราะสิ่งที่พวกเขาคิดว่าไม่เป็นไร ไม่มีอะไร กลับกลาย เป็นสิ่งที่เลวร้ายอย่างง่ายดาย”ยกตัวอย่างเช่น มีเด็กคนหนึ่งมักจะบอกว่า ” แม่กำลัง จะกลับบ้านแล้ว ฉันต้องไปล้างจาน” มักจะบอกทุก ๆ วัน ในเวลาเดิมเสมอ มันเป็นการบอกเวลาที่ชัดเจนมาก เกี่ยวกับการเดินทาง ไปกลับของพ่อแม่ (บอกช่วง เวลาที่ไม่มีผู้ใหญ่อยู่ที่บ้าน คนร้ายอาจกะระยะเวลาก่อกรรมทำชั่วได้ง่ายขึ้น)


ที่มา; http://preeyaporncom.ipage.com/blog/social-network/online-disaster-facebook/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น